เบื่อที่จะเลือกซื้อไวน์จากการดูที่ราคาแล้วใช่ไหม? การซื้อไวน์ราคาแพงเป็นวิธีเดียวที่จะรับประกันคุณภาพของไวน์จริงหรือไม่? ความจริงก็คือ มีแหล่งผลิตไวน์หลายแห่งในโลกที่คุณสามารถหาซื้อไวน์คุณภาพยอดเยี่ยมได้ในราคาที่เยี่ยมยอด ลองอ่านดูสิ!
ฝรั่งเศส
แคว้นล็องก์ด็อก–รูซียง (Languedoc Roussillon)
พื้นที่แห่งนี้อยู่ทางใต้ของบอร์โด (Bordeaux) และมีพรมแดนติดกับสเปน ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส แต่เป็นที่รู้จักกันในอดีตว่าเป็นพื้นที่ที่มีการผลิตไวน์คุณภาพต่ำจำนวนมาก ทุกวันนี้แหล่งผลิตไวน์ในแคว้นล็องก์ด็อก–รูซียงมีอัตราการผลิตไวน์ออร์แกนิกสูงที่สุดในฝรั่งเศส เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นและแห้งทำให้สามารถผลิตไวน์ได้หลากหลาย มีตั้งแต่ราคา 15USD หรือถูกกว่านั้น ไวน์ Pinot Noirs ของที่นี่มีความเบาและมีรสผลไม้ ส่วนไวน์ Chardonnay ที่ไม่ได้ผ่านการหมักในถังโอ็คจะมีรสชาติของไวน์ที่ทำจากองุ่นที่สุกเต็มขั้น ซึ่งมาพร้อมด้วยความเป็นกรดที่พอเหมาะและเต็มไปด้วยรสชาติของผลไม้จากเขตร้อน ผู้ผลิตยังมีการผสมผสานองุ่นจากแคว้นโรนาลป์ (Rhône) หลายสายพันธุ์ ซึ่งถือเป็นการเลียนแบบได้ใกล้เคียงกับไวน์ยอดนิยมในราคาที่จับต้องได้
Chardonnay จากลุ่มแม่น้ำลัวร์(Loire Valley)
พื้นที่ลุ่มแม่น้ำลัวร์ (Loire Valley) มีชื่อเสียงในด้านไวน์ที่มีราคาสูง เช่น ไวน์ Sancerre, Vouvray และ Savennières แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่นี้ก็มีการผลิตไวน์ Chardonnay ในราคาที่เข้าถึงได้ หากคุณชอบดื่ม Chardonnay แต่ไม่ต้องการจ่ายในราคา 30USD หรือราคาที่สูงของไวน์จากแคว้นบูร์กอญ (Burgundy) และรัฐแคลิฟอร์เนียก็ลองหันมาเลือกไวน์ที่ผลิตจากลุ่มแม่น้ำลัวร์ ซึ่งโดยทั่วไปไวน์ Chardonnay จากที่นี่จะไม่ผ่านการบ่มในถังโอ็คและปลูกอยู่บนดินหินปูน ซึ่งมีความคล้ายกับไวน์ Chablis มาก มันเป็นไวน์ที่มีความสดชื่นและมีราคาต่ำกว่า 10USD ต่อขวดและหาซื้อได้ทั่วไป
อิตาลี
แคว้นอาบรุซโซ (Abruzzo)
อิตาลีได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในด้านอาหารและไวน์ที่มีความหรูหรา ซึ่งมีราคาที่จับต้องได้และมีตัวเลือกมากมาย ในขณะที่แหล่งผลิตไวน์คลาสสิกบางแห่งนั้นจะตั้งราคาไวน์สูง แต่ไวน์ในประเทศนั้นมีราคาถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นอาบรุซโซ (Abruzzo) แหล่งผลิตไวน์ที่อยู่ทางตอนกลางของอิตาลี ซึ่งมีการผลิตไวน์แดงรสผลไม้ที่มีโครงสร้างดี ซึ่งทำให้มันเป็น DOC ของอิตาลีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดจากทั่วโลก ไวน์ Montepulciano d’Abruzzo จับคู่กับอาหารได้หลากหลาย เช่น อาหารทานเล่น, บาร์บีคิว, พิซซ่า, หรือพาสต้าซอสแดง หรือแม้แต่ใช้จิบเดี่ยว ๆ เพื่อความเพลิดเพลิน
ซิซิลี
ซิซิลีเป็นภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและผลิตไวน์ราคาถูกจำนวนมากมานานหลายทศวรรษเช่นเดียวกับแหล่งผลิตไวน์ที่แคว้นล็องก์ด็อก–รูซียงในฝรั่งเศส แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตไวน์จากซิซิลีมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงวิธีการผลิตและลดจำนวนการผลิตไวน์ในแต่ละปีลง เพื่อให้ไวน์มีคุณภาพที่ดีขึ้น ไวน์ขาวของซิซิลีเป็นไวน์ที่ฉันเองชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความเบาและรสชาติอันสดชื่นขององุ่นสายพันธุ์ Grillo ซึ่งคุ้มค่ากับราคามากกว่า Pinot Grigio สุดคลาสสิค ส่วนไวน์แดงจากทั้งองุ่นสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ที่มีการนำเข้ามาก็ยังสามารถหาซื้อได้ในราคาที่สมเหตุสมผล
สเปน
รูเอดา (Rueda)
รูเอดา (Rueda) คือชื่อของแหล่งผลิตไวน์ในสเปนซึ่งอาจไม่คุ้นหูสำหรับบางคน แต่คุณอาจรู้จัก Verdejo ชื่อองุ่นทำไวน์ขาวของที่นี่ นอกจากนี้มันยังใช้ในโปรตุเกสเพื่อทำไวน์ Vinho Verde ที่มีความซ่าเล็กน้อย ไวน์ Verdejo นั้นมีความสดชื่นและมีความชุ่มฉ่ำของ Sauvignon Blanc และเป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อมอยู่มากและมีราคาเพียงขวดละประมาณ 8USD ไวน์เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับปาร์ตี้ฤดูร้อน เมื่อคุณต้องการไวน์ขาวรสเปรี้ยวที่ให้ความสดชื่นและทุกคนจะต้องตกหลุมรัก มันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแทนไวน์ Sauvignon Blanc จากนิวซีแลนด์และแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากราคาของไวน์เหล่านั้นมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
แคลิฟอร์เนีย
ปาโซ โรเบิลส์ (Paso Robles)
คุณไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อไวน์ Napa Cabernets ที่ดีที่สุดได้อีกต่อไปใช่ไหม? มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉันก็ซื้อไม่ไหวเช่นกัน ในปัจจุบันเมืองแนปา (Napa County) ในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีราคาสูงที่สุดในโลก ซึ่งหมายความว่าไวน์ที่ผลิตในภูมิภาคนี้จะมีราคาที่แพงมาก สำหรับทางเลือกอื่น ๆ ให้คุณลองเลือกซื้อไวน์ Cabernet Sauvignons และ Bordeaux ที่ผลิตจากเมืองปาโซ โรเบิลส์ (Paso Robles) ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ ไวน์เหล่านี้มีความเข้มข้น, มีรสชาติของผลไม้ที่มีความสุกงอมและนุ่มคอ ส่วนราคานั้นอยู่ที่ประมาณ 30% ของราคาไวน์แดงจากเมืองแนปาและมันสามารถดื่มได้เร็วกว่า แล้วคุณจะต้องการอะไรอีกล่ะ?
ชิลี
ชิลีมักถูกมองข้ามในฐานะประเทศผู้ผลิตไวน์ อาจเป็นเพราะว่าผู้ที่ชื่นชอบดื่มไวน์หลายคนคุ้นเคยกับอาร์เจนตินาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า แต่ประเทศชิลีเองก็มีการผลิตไวน์ Pinot Noir และ Cabernet Sauvignon ที่มีราคาดีที่สุดเท่าที่คุณสามารถหาซื้อได้ แหล่งผลิตไวน์ในประเทศชิลีตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีส (Andes) และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งหมายความว่ามันได้รับกระแสอากาศเย็นจากทั้งสองฝั่ง พื้นที่ที่มีความสูงช่วยรักษาความสดขององุ่นและองุ่นสามารถสุกงอมได้ในวันที่มีแดดจัด โดยไวน์ Sauvignon Blanc จากทางเหนือของประเทศก็เป็นสินค้าที่น่าสนใจเช่นกัน
อาร์เจนตินา
ใช่, อย่างที่ได้ฉันพูดถึงในข้างต้น อาร์เจนตินาเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการหาซื้อไวน์ในราคาที่จับต้องได้ แม้ว่าไวน์ Malbec จากที่นี่จะมีราคาแพงเนื่องจากชื่อเสียงที่โด่งดังของพื้นที่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการผสมผสานของบอร์โด (Bordeaux) ซึ่งจริง ๆ แล้วในการผสมแบบดั้งเดิม Malbec จะถูกนำมาใช้เป็นองุ่นที่นำมาผสมในแคว้นบอร์โดของฝรั่งเศส และในความเป็นจริงแล้วโรงบ่มไวน์หลายแห่งในอาร์เจนตินานั้นก่อตั้งขึ้นโดยตระกูลผู้ผลิตไวน์เก่าแก่ของบอร์โด ความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านไวน์ของฝรั่งเศสที่สะสมมาหลายศตวรรษได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดีในอาร์เจนตินา ซึ่งความสดใหม่และความเข้มข้นของการผสมไวน์นั้นสามารถแข่งขันกับชาโตว์ในฝรั่งเศสได้เลยทีเดียว และมันจะไม่ทำให้คุณเมาจนหัวทิ่ม
กรีซ
กรีซได้เผชิญปัญหาจากการที่มีไวน์คุณภาพต่ำจำนวนมากมาเป็นเวลานานเหมือนกับที่แคว้นล็องก์ด็อก–รูซียง แต่กรีซและพื้นที่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตไวน์และปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะไวน์ขาวพื้นเมืองของกรีก เช่น ไวน์ Moscofilero หรือ Assyrtiko ที่มีความเบา, สดชื่น, ดื่มง่าย, และคุ้มราคา ไวน์เหล่านี้จับคู่ได้ดีกับเมนูอาหารทะเลและปลา ซึ่งเป็นเมนูที่เสิร์ฟทั่วไปในท้องถิ่น
สโลวีเนีย
มีไม่กี่คนที่จะรู้ว่าประเทศสโลวีเนียอยู่ส่วนใดของโลก และมีคนน้อยไปกว่านั้นอีกที่จะรู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ และก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรได้รับการพิจารณาถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาไวน์ที่ผลิตขึ้นอย่างมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม สโลวีเนียมีพรมแดนติดกับทางตอนเหนือของอิตาลีและมีองุ่นเหมือนกันอยู่หลายสายพันธุ์ แต่เนื่องจากมันไม่ใช่ประเทศยอดนิยม คุณจึงสามารถหาซื้อไวน์เหล่านั้นได้ในราคาที่ดีกว่ามาก สโลวีเนียและประเทศในแถบบอลข่านอื่น ๆ ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตไวน์ของพวกเขาหลังจากการปกครองแบบคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง ผู้ผลิตกำลังตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถผลิตได้ และแน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ที่น่าจับตามองในฐานะที่จะก้าวเข้ามาเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงและราคาของไวน์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ