หากคุณเป็นคนรักไวน์และคุณเคยคิดที่จะทิ้งอาชีพในปัจจุบันของคุณเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือไปกับความสนใจนี้ก็แสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว คนรักไวน์หลายคนใฝ่ฝันที่จะเริ่มต้นอาชีพใหม่ในฐานะซอมเมอลิเย่ร์ แต่ก่อนที่คุณจะทำอย่างนั้น เราขอให้คุณได้ลองพิจารณาถึงความเป็นจริงของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ และขอให้คุณได้ชื่นชมต่อการอุทิศตนของเหล่าซอมเมอลิเย่ร์ระดับแนวหน้าในด้านทักษะของพวกเขา ในฐานะที่ตัวฉันเองได้ละทิ้งอาชีพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่มีรายได้มหาศาล เพื่อมาทำตามความฝันด้านไวน์ของฉัน ฉันบอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามากจริง ๆ แต่มันก็ต้องใช้ความทุ่มเทอย่างมากเช่นกัน
ด้านการศึกษา
ในปัจจุบันนี้ตำแหน่งซอมเมอลิเย่ร์ส่วนใหญ่จะต้องมีการรับรองอย่างเป็นทางการในระดับหนึ่ง และองค์กรที่ได้รับการรับรองในระดับสากลที่สำคัญสองแห่งก็คือ Court of Master Sommeliers และ Wine and Spirits Education Trust (WSET) ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ และถึงแม้ว่าทั้งสององค์กรจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่พวกเขาก็มีจุดมุ่งเน้นที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย
Court of Master Sommeliers มุ่งเน้นในด้านการบริการไวน์ที่หลากหลาย โดยไม่เน้นเพียงแค่การชิมไวน์เท่านั้นแต่ยังเน้นไปถึงการบริการ, การจัดเก็บ, และการบำรุงรักษาห้องเก็บไวน์อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งในร้านอาหารหรือโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งนี่คือการรับรองที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงหากพูดถึงซอมเมอลิเย่ร์ “ที่ได้รับการรับรอง” โดยหลักสูตรนี้มีการรับรอง 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับเบื้องต้นจนถึงการสอบ Master Sommelier ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาหลายปี
ส่วนหลักสูตร WSET ก็มีครอบคลุม 4 ระดับเช่นกัน เริ่มตั้งแต่หลักสูตรระดับ Intro 1 ไปจนถึงระดับ 4 ซึ่งก็คือ Diploma in Wines ซึ่งต้องใช้เวลา 2 ปีในการเรียนและการสอบ โปรแกรมของ WSET นั้นมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจไวน์โดยรวม โดยเน้นไปที่การชิมไวน์และไม่เน้นความรู้ในด้านการบริการไวน์ แต่ก็มีการสอนที่ครอบคลุมถึงด้านการค้าไวน์ทั่วโลก, ด้านเทคนิคการเพาะปลูกองุ่น, และด้านการผลิตไวน์ในเชิงลึก
ด้านการฝึกงาน
โดยทั่วไปแล้ว มันไม่เหมือนกับการฝึกงานโดยทั่วไปมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากการเป็นซอมเมอลิเย่ร์มักจะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการทำงานร่วมกับซอมเมอลิเย่ร์อาวุโส ซึ่งมันถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฝึกอบรม
การพัฒนาด้านการรับรสชาติของคุณนั้นต้องใช้เวลาและต้องผ่านการชิมไวน์จำนวนมาก ซึ่งมันใช้เวลานานกว่าการได้รับการรับรองเพื่อเป็นซอมเมอลิเย่ร์เสียอีก มันต้องใช้เวลานานหลายปีในการฝึกฝน การเป็นซอมเมอลิเย่ร์อาจเริ่มต้นด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารระดับหรู, การชิมไวน์ที่เหลือในขวดและเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับไวน์ก่อนที่จะเข้าคอร์สเพื่อรับการรับรองในระดับแรก ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาได้ขยับขึ้นไปช่วยงานในห้องเก็บไวน์ และในที่สุดก็กลายไปเป็นผู้ช่วยซอมเมอลิเย่ร์หรือผู้ให้บริการไวน์ ก่อนที่พวกเขาจะได้มีหน้าที่รับผิดชอบที่มากขึ้นทั้งในด้านการจัดหาไวน์และการออกแบบเมนูไวน์
อาชีพเกี่ยวกับไวน์นั้นมีความน่าสนใจมาก แต่คุณจะต้องมีใบรับรองเพื่อที่จะสามารถไปต่อได้ หากคุณไม่มีโอกาสได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับไวน์มาก่อน คุณก็จะไม่มีประสบการณ์ต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการผ่านการรับรอง มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ หากใครสักคนจะสามารถผ่านการรับรองด้านไวน์ในระดับสูงได้ โดยไม่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมไวน์มาก่อนหลายปี
ตอนที่ฉันลาออกจากตำแหน่งนักวิเคราะห์อาวุโสของฉันจากบริษัทที่ให้บริการตรวจสอบความเสี่ยงขององค์กร ฉันเคยต้องขอร้องให้ร้านขายไวน์รับฉันเข้าทำงานเพราะว่าฉันขาดประสบการณ์ และเขารับฉันเข้าไปเป็นเพียงพ่อครัวเท่านั้นเพราะฉันเคยมีประสบการณ์การทำงานในครัวมาก่อน
ด้านการท่องเที่ยว
ซอมเมอลิเย่ร์ที่ดีที่สุดและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มีความรู้มากที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก พวกเขาต่างเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคแหล่งผลิตไวน์ของโลก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีหากคุณได้ไปดูสถานที่ผลิตไวน์, ได้พูดคุยกับผู้ผลิตไวน์, ได้สัมผัสกับดินที่ปลูกองุ่นเหล่านั้น, และได้เห็นไร่องุ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลกด้วยตาของคุณเอง มันทำให้ง่ายต่อการเก็บข้อมูลเพราะทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากหนังสือนั้นอาจไม่มีความหมายเลย จนกว่าคุณจะได้เห็นมันด้วยตาของคุณเอง
ผิวของฉันถูกแสงแดดแผดเผาจนไหม้อย่างรุนแรงที่สุดในชีวิต จากการที่ฉันต้องยืนตัดแต่งกิ่งองุ่นในนิวซีแลนด์ และฉันเคยทำงานในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวประมาณ 12-14 ชั่วโมงต่อวันที่โรงบ่มไวน์ใน Napa Valley ซึ่งทริปเหล่านี้สอนฉันได้มากกว่าหนังสือไวน์หลายเล่มที่ฉันเคยอ่านเสียอีก การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์นั้นมันไม่สามารถที่จะลืมได้เลยจริง ๆ
ด้านการชิมไวน์
เพื่อการเรียนรู้นั้นคุณจะต้องชิมไวน์ จากนั้นก็ชิมและชิมและก็ชิมไปเรื่อย ๆ เนื่องจากมันไม่มีเวทย์มนตร์ใด ๆ ทั้งสิ้นในการรับรู้และจำแนกไวน์จากการชิมไวน์แบบไบลนด์เทสติ้ง มีเพียงแค่ระยะเวลานานนับปีของการฝึกฝนและความมุ่งมั่นตั้งใจ หลายคนคิดว่าการเป็นซอมเมอลิเย่ร์หมายถึงการได้ดื่มไวน์ชั้นเยี่ยมมากมายและการมีพลังมหัศจรรย์บางอย่าง แต่จริง ๆ แล้วมันหมายถึงการบ้วนไวน์ทิ้งมากกว่าการบริโภคไวน์
มันหมายถึงการชิมไวน์อย่างมีระเบียบวินัย โดยใช้สมาธิ, จดบันทึก, และจดจำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวน์ รวมถึงชื่อไวน์ต่าง ๆ มันหมายถึงการดื่มไวน์ในแบบที่ไม่ผ่อนคลายที่สุดที่คุณจะจินตนาการได้ ไปจนกระทั่งเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจะสามารถแยกแยะได้ว่ามันคือไวน์ French Bordeaux หรือ Napa Cab หรือ Penfolds Shiraz ในขณะที่คุณตาของคุณปิดอยู่
การสร้างเครือข่าย
การเป็นซอมเมอลิเย่ร์นั้นเกี่ยวกับเครือข่ายของคุณเช่นกัน อุตสาหกรรมไวน์นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ทุ่มเทให้กับการค้าและทักษะของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง และหากคุณต้องการเข้าสู่โลกของพวกเขา คุณก็จะต้องพบเจอกับพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การสร้างเครือข่ายจะช่วยให้คุณพบกับที่ปรึกษา, ครู, ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับไวน์ที่คุณต้องการลิ้มลองรสชาติ, งานที่คุณต้องการ, รวมถึงผู้คนที่มีความน่าสนใจรอบด้านที่คุณจะได้พบเจอ
โลกของไวน์อาจจะแคบ และคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณจะต้องร่วมงานกับใครในอนาคต ไม่ว่าจะพบกันในกิจกรรมงานแสดงสินค้าหรือการชิมไวน์ เป็นต้น ดังนั้น คุณควรที่จะสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับเหล่าผู้คนที่มากด้วยประสบการณ์ และอย่าลืมที่จะช่วยเหลือผู้คนที่เพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในวงการนี้ การเป็นซอมเมอลิเย่ร์ที่ดีต้องอาศัยชื่อเสียงของพวกเขามากพอ ๆ กับการใช้เพดานปากในการชิมไวน์ของพวกเขาเลยแหละ
ไม่ว่าฉันจะพูดให้มันฟังดูยากลำบากสักแค่ไหนก็ตาม แต่การได้เป็นซอมเมอลิเย่ร์และการได้ดื่มด่ำกับไวน์นั้น มันอาจเป็นหนึ่งในความท้าทายที่คุ้มค่าที่สุดที่คุณได้ทำ การมีโอกาสได้ร่วมทำงานกับผู้คนที่น่าสนใจในสาขาวิชาที่มีความซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, การเกษตร, และปรัชญา นั่นหมายความว่าคุณจะไม่มีวันเบื่อมันได้เลย อ้อ, รวมถึงไวน์ทั้งหมดด้วย! ต้องให้ฉันพูดอีกหรอ? ฉันรู้สึกโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่ได้เปลี่ยนความหลงใหลให้กลายมาเป็นอาชีพของฉัน และฉันจะไม่ยอมแลกมันกับอะไรทั้งสิ้น