อุตสาหกรรมไวน์สิงคโปร์: มุมมองของคนวงใน

Jessica
อุตสาหกรรมไวน์สิงคโปร์: มุมมองของคนวงใน

ภาคส่วนของไวน์สิงคโปร์ได้รับการพัฒนาและมีการแข่งขันที่สูงมาก และตามรายงานธุรกิจ ProWein Business Report 2019 จัดให้สิงคโปร์เป็นตลาดเกิดใหม่อันดับหนึ่งสำหรับผู้ผลิตที่ต้องการเข้าสู่ตลาดในอีกห้าปีข้างหน้า  

หกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเผยว่ามีชื่อติด 10 อันดับแรกในฐานะตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออก ประกอบไปด้วย เวียดนาม (อันดับ 5, 21%), ไทย (อันดับ 7, 15%), มาเลเซีย (อันดับ 8, 12%), ฟิลิปปินส์ (อันดับ 9, 11%) และอินโดนีเซีย (10, 10%) 

ส่วนสิงคโปร์นั้นถูกจัดเป็นประตูสู่ธุรกิจไวน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองที่มีความทันสมัยแห่งนี้เป็นโอกาสทางการตลาดที่น่าตื่นเต้นและน่าสำรวจ

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดไวน์ในสิงคโปร์

สิงคโปร์ไม่ได้ทำการผลิตไวน์ใด ๆ และเป็นเพียงตลาดที่ต้องอาศัยการนำเข้าไวน์ อุตสาหกรรมไวน์นี้ได้รับแรงหนุนจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและการขยายตัวของเมือง

การที่คนในพื้นที่มีรายได้สูง นำไปสู่การผลักดันให้เกิดการดื่มไวน์พรีเมี่ยม ชาวสิงคโปร์เป็นผู้ใช้จ่ายด้านการกินดื่มนอกสถานที่รายใหญ่ที่สุดของเอเชีย ดังนั้น นโยบายการค้าของสิงคโปร์จึงมุ่งเน้นไปที่การจัดหาไวน์จากต่างประเทศที่มีคุณภาพสูงให้เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ผู้ผลิตไวน์ระดับสากลครองส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญในสิงคโปร์ โดยใช้ประโยชน์จากการที่สิงคโปร์ขาดผู้ผลิตไวน์ในประเทศ

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ในการทำงาน และมีประชากรเกือบ 6 ล้านคน ซึ่งกำลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ประมาณ 74.3% ของผู้อยู่อาศัยเป็นชาวจีน, 13.4% เป็นชาวมาเลย์, และอีก 9% เป็นชาวอินเดีย (ข้อมูลปี 2017)

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดประกอบไปด้วยชาวมุสลิมประมาณ 40% ซึ่งเป็นการยากที่จะเจาะเข้าสู่อุตสาหกรรม และนั่นหมายความว่า การเติบโตจะถูกจำกัดอยู่เพียงผู้บริโภคสามประเภท: แขกผู้มาเยือน, ชาวต่างชาติ,​ และอีก 60% ของประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับผู้ส่งออกไวน์ระดับสากล สิงคโปร์เป็นตลาดเกิดใหม่อันดับต้น ๆ หนึ่งในสองของผู้ผลิตจากฝรั่งเศส (49%), อิตาลี (51%), และสเปน (45%) จัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นทางเลือกของพวกเขาในฐานะตลาดเกิดใหม่สำหรับปี 2020 โดย 32% ของผู้ส่งออกไวน์โลกใหม่ยังมีการระบุว่าสิงคโปร์เป็นตลาดที่มีศักยภาพ .

ประเทศอันดับต้น ๆ จากการเติบโตของการนำเข้าไวน์ จากทั่วโลก (ในหน่วยล้านดอลลาร์สหรัฐ)

1. สหรัฐอเมริกา+1,412
2. จีน+1,145
3. เยอรมัน+664
4. ฝรั่งเศส+570
5. อังกฤษ+469
6. สิงคโปร์+312
7. อิตาลี+289
8. เบลเยียม+246
9. โปแลนด์+219
10. เนเธอร์แลนด์+169
11. ฮ่องกง+161
12. สวีเดน+160
13. เกาหลีใต้+148
14. เดนมาร์ก+146
15. ยูเครน+117

การเติบโตเฉลี่ยต่อปี 2018/2017: +8%

แหล่งที่มา: UN Comtrade, last update 2020

การบริโภคไวน์ในสิงคโปร์

ภายในปี 2021 หากการคาดการณ์ของ Prowein ถูกต้อง ตลาดไวน์ในสิงคโปร์จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการบริโภคไวน์เฉลี่ยอยู่ที่สี่ขวดต่อคน

ปัจจุบันการบริโภคไวน์โดยเฉลี่ยต่อคนในสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 2 ลิตร ซึ่งเท่ากับสองขวดครึ่ง ภายในปี 2021 ตัวเลขนี้ควรสูงขึ้นถึงเกือบสี่ขวด

ปริมาณเฉลี่ยต่อคน (หน่วยเป็นลิตร)

การเปรียบเทียบยอดขายของไวน์ต่างประเทศในสิงคโปร์เป็นอย่างไร?

ฝรั่งเศสครองตลาดไวน์ระดับพรีเมี่ยม ตามติดมาด้วยไวน์จากออสเตรเลียและไวน์จากชิลี

ไวน์ไม่มีฟองเป็นไวน์นำเข้าที่นิยมมากที่สุดในสิงคโปร์ ตามด้วยสปาร์คกลิ้งไวน์ ส่วนโปรเซกโก (Prosecco) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต่างมองหาทางเลือกที่มีราคาถูกกว่าแชมเปญฝรั่งเศส ผู้บริโภคไวน์ชาวสิงคโปร์มีความรู้และเต็มใจที่จะลองชิมไวน์รสชาติใหม่ ๆ

ไวน์ไม่มีฟองห้าอันดับแรกของสิงคโปร์เป็นแบรนด์ไวน์จากออสเตรเลียทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือ Jacob’s Creek ซึ่งเป็นแบรนด์ที่นำโด่งในแง่ของปริมาณยอดขายไวน์โดยรวม

ส่วนไวน์ผสมแอลกอฮอล์นั้นมีมูลค่าการเติบโตช้าที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต CAGR ต่ำกว่า 3.2% จากปี 2016 ถึง 2021 ผู้บริโภคไวน์ในหมวดนี้มีแนวโน้มในการรับข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ น้อย ดังนั้น ผู้ผลิตที่ตั้งราคาพรีเมี่ยมจะต้องพิสูจน์ให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจ

ปริมาณ (หน่วยล้านลิตร)

ราคาต่อลิตรของไวน์ที่นำเข้ามายังสิงคโปร์

ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยของไวน์ไม่มีฟองเท่ากับ 61.49 ดอลลาร์สหรัฐ และ 56.50 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับสปาร์คกลิ้งไวน์

ราคาต่อหน่วย (หน่วยดอลลาร์สหรัฐ)

การจัดจำหน่ายไวน์ในสิงคโปร์เป็นอย่างไร?

การเติบโตของตลาดมีแนวโน้มในการเลือกซื้อไวน์ออนไลน์มากเป็นอันดับแรก

ข้อมูลจากหน่วยงานวิจัย Euromonitor International พบว่า ในปี 2017 การค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ตยังคงเป็นช่องทางการจำหน่ายไวน์แบบซื้อกลับบ้านที่เติบโตเร็วที่สุดในสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าแนวโน้มนี้เกิดขึ้นกับผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ โดยฐานผู้บริโภคมาจากผู้บริโภคที่นิยมใช้เทคโนโลยีในการค้นหาราคาที่ดีที่สุดและความสะดวกในการซื้อ

ไวน์บาร์เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติและแขกผู้มาเยือน มันได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากวัฒนธรรมการดื่มไวน์และการรับประทานอาหารนอกบ้านของชนชั้นกลางชาวเอเชีย

จากข้อมูลของ Statista ในปี 2023 นั้น 80% ของการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมไวน์จะมาจากการบริโภคนอกบ้าน

ส่วนแบ่งรายได้จากการบริโภคนอกบ้าน

ปัจจัยที่จำกัด

แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์หลายคนกล่าวว่าสิงคโปร์นั้นเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดไวน์ แต่มันก็เป็นตลาดที่คึกคักและมีการแข่งขันที่ดุเดือด  เนื่องจากฐานของผู้บริโภคมีจำกัด และยังมีผู้นำเข้า, ซัพพลายเออร์, และผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงอยู่ในตลาดแล้วจำนวนมาก

ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์มีความซื่อสัตย์และมีความระมัดระวังในเรื่องของการเปลี่ยนยี่ห้อไวน์ที่ตนชื่นชอบ พวกเขาสนุกกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ แต่ยังคงมีความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่หลังจากพวกเขาได้ทราบถึงคุณภาพและที่มาของไวน์นั้นแล้วเท่านั้น

สิงคโปร์มีการเรียกเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงมาก หรือเรียกอีกอย่างว่าภาษี ‘บาป’ การตลาดของไวน์ถูกจำกัด และไม่อนุญาตให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างรายการที่มีไว้สำหรับผู้ที่มีอายุน้อยหรือในรายการโทรทัศน์ภาษามาเลย์

ในปัจจุบัน แนวโน้มของตลาดและข้อเสนอแนะสำหรับตลาดสิงคโปร์คืออะไร?

สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของห้องเก็บไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมไวน์ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย ด้วยความได้เปรียบของทำเลที่ตั้งบนเส้นทางการค้าที่สำคัญของโลก ทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการขนส่งตู้สินค้าที่คึกคักที่สุดในโลก และเป็นประตูสู่ตลาดไวน์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักสะสมไวน์หน้าเก่า และแม้แต่ผู้ดื่มไวน์หน้าใหม่

ประเทศมีศักยภาพในการเติบโตที่สำคัญ เนื่องจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการสะสมไวน์วินเทจ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มการเติบโตของตลาด

ผู้บริโภคไวน์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศต่าง ๆ เช่น พม่า, เวียดนาม, ลาว, จีน, และเกาหลีใต้ชอบซื้อไวน์คุณภาพสูงจากสิงคโปร์ เพราะพวกเขารู้สึกว่าไวน์ที่พวกเขาซื้อในตลาดของพวกเขานั้นอาจไม่ใช่ไวน์แท้

ผู้ผลิตไวน์ต่างประเทศควรมองถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพไวน์ระดับพรีเมี่ยม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไวน์ระดับพรีเมี่ยมสุดหรูเข้าสู่ตลาด

มีความต้องการผลิตภัณฑ์ไวน์ที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากชาวสิงคโปร์นั้นมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่มีมาตรฐานการครองชีพสูง และเป็นผู้ที่นิยมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตไวน์ออร์แกนิคที่ต้องการเข้าสู่ตลาด

ผู้บริโภคไวน์ชาวสิงคโปร์เป็นคนใจกว้างและมีรายได้สูง พวกเขายินดีที่จะใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น ไวน์

การกำหนดราคาควรเป็นราคาที่แข่งขันได้ เนื่องจากการต่อรองเป็นเรื่องธรรมดาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์กำลังผันตัวมาเป็นศูนย์กลางของไวน์สำหรับทศวรรษใหม่ แนวคิดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของเมืองใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งที่ดีเยี่ยม ผู้เล่นรายใหม่ในตลาดควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคา, คุณภาพ, และการบริการ และจำไว้ว่าตลาดนี้มีขนาดเล็กและเป็นตลาดที่มีการแข่งขัน

แหล่งที่มา:

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
↑
Exit mobile version