Brand StoryNewstpl_newsletterWine

Tasca d’Almerita ได้รับการขนานนามว่าเป็น ” European Winery of the Year – โรงกลั่นไวน์แห่งปีของยุโรป” โดยนิตยสาร Wine Enthusiast

Tasca d'Almerita ได้รับการขนานนามว่าเป็น " European Winery of the Year - โรงกลั่นไวน์แห่งปีของยุโรป" โดยนิตยสาร Wine Enthusiast
Alberto Tasca, the CEO and driving force behind Tasca d’Almerita

ในแต่ละปี Wine Enthusiast สื่อสิ่งพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา จะทำการมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลและบริษัทที่ทำผลงานดีเด่นในปีที่ผ่านมา ในด้านการผลิตไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การเข้าร่วมกับโรงกลั่นไวน์ Gonzȧlez Byass ของสเปน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของยุโรปในปี 2018 ทำให้บริษัทผลิตไวน์ Tasca d’Almerita ของซิซิลีได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของยุโรป จากงาน Wine Enthusiast’s Awards ในปี 2019

นิตยสาร Wine Enthusiast มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขนานนามให้กับโรงกลั่นไวน์ Tasca d’Almerita จากซิซิลี ในฐานะที่เป็นโรงกลั่นไวน์แห่งปีของยุโรป เพื่อเป็นการประกาศถึงความสำเร็จ และการมีส่วนร่วมของบริษัท ในการร่วมกันพัฒนาการปลูกองุ่นของชาวเกาะซิซิลีและอิตาลี รวมถึงวิธีการคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์ วิธีการคิดล่วงหน้าแบบขั้นสูงของบริษัท การที่โรงกลั่นไวน์ Tasca d’Almerita ได้รับรางวัลในหมวดหมู่ “โรงกลั่นไวน์แห่งปีของยุโรป” นั้น ถือเป็นเครื่องหมายที่สำคัญสำหรับบริษัทและไวน์ซิซิลี นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับโรงกลั่นไวน์ของซิซิลีมาก่อน

แม้ว่า Tasca d’Almerita จะเป็นบริษัทผลิตไวน์จากซิซิลี แต่ความมุ่งมั่นในการปลูกไวน์แบบยั่งยืนที่ครอบครัว Tasca ได้กระทำไปนั้น มันมีอิทธิพลในเชิงบวกอย่างมาก มันไม่เพียงแต่มีอิทธิพลกับไวน์ของพวกเขาเท่านั้น แต่มันยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีผลต่อโรงบ่มไวน์อิตาลีขนาดใหญ่อีกด้วย

เรื่องราวของโรงกลั่นไวน์

เรื่องราวของโรงกลั่นไวน์แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1830 โดยการเข้าครอบครองกิจการของ Count Giuseppe Tasca d’Almerita จาก Regaleali Estate ระหว่างเมือง Palermo และ Caltanissetta ที่เนินเขาซึ่งมีความสูงระหว่าง 1,312–2,953 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในกลางวันและกลางคืนที่เห็นได้ชัด ทำให้องุ่นสุกงอมได้ดีและมีกลิ่นที่มีความซับซ้อน ทั้งในองุ่นสายพันธุ์พื้นเมืองและสายพันธุ์ต่างประเทศ

ในช่วงทศวรรษ 1950 บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการปลูกองุ่นมากยิ่งขึ้น เริ่มมีการนำวิธีการคิดวางแผนล่วงหน้าแบบขั้นสูงเข้ามาใช้ในไร่องุ่นและห้องเก็บไวน์ใต้ดิน ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การบ่มไวน์แดงสุดพิเศษ Regaleali Rosso del Conte ของ Count Giuseppe Tasca d’Almerita

ในปี 1970 ไร่องุ่นทำไวน์แห่งแรกและหนึ่งเดียวในซิซิลี และถือเป็นหนึ่งในไวน์แดงขวดแรกที่มีการบ่มด้วยระยะเวลายาวนาน มันถูกเรียกว่าไวน์ Riserva del Conte ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากองุ่นสายพันธุ์ Nero d’Avola, Perricone และองุ่นแดงพื้นเมืองอื่น ๆ และตามมาด้วยไวน์ Nozze d’Oro ในปี 1984 การผสมผสานระหว่าง Inzolia และ Sauvignon Tasca ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมือนใคร

ในปี 1979 คุณ Lucio Tasca บุตรชายของคุณ Giuseppe ได้ทำการเพาะปลูกองุ่นสายพันธุ์ต่าง ๆ จากทั่วโลกบนที่ดินของเขา ผลงานของเขาในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 กับองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Chardonnay และ Pinot Noir ทำให้ผู้ผลิตไวน์ชาวซิซิลีคนอื่น ๆ อีกมากมายทำตามตัวอย่างที่เขาทำขึ้น

ในปี 2001คุณ Lucio ได้วางมือต่อให้กับลูกชายของเขา ซึ่งก็คือคุณ Giuseppe และคุณ Alberto และในปีเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ทำการซื้อที่ดินที่ Capo Faro บนเกาะซาลินา (Salina) ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Malvasia

นวัตกรรมและความยั่งยืน

Tasca d'Almerita ได้รับการขนานนามว่าเป็น " European Winery of the Year - โรงกลั่นไวน์แห่งปีของยุโรป" โดยนิตยสาร Wine Enthusiast

คุณ Alberto ซึ่งในขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ผู้ขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังโรงกลั่นไวน์ Tasca d’Almerita ได้รับเอาจิตวิญญาณของผู้ประกอบกิจการจากผู้เป็นพ่อและปู่ของเขา ภายใต้การบริหารงานของเขา บริษัทได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้มีการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่ทำให้ไวน์นั้นมีความที่เข้มข้นและแตกต่าง

นอกเหนือจากนวัตกรรม การวิจัย และความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอการเติบโตในหลายแง่มุมของซิซิลีแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนโรงกลั่นไวน์ Tasca d’Almerita นั่นก็คือความมุ่งมั่นของคุณ Alberto และความต้องการที่จะให้เกิดความยั่งยืนขึ้น เขาได้อุทิศตนเพื่อนำไปสู่การสร้าง SOStain ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาคมของผู้ผลิตในซิซิลี ที่มีความต้องการในด้านเดียวกัน และได้เปิดตัวขึ้นแล้วในปี 2010 สมาชิกจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด และต้องได้รับการตรวจสอบภาคสนามโดยองค์กรอิสระซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เกณฑ์ของโรงกลั่นไวน์ประกอบด้วย ไร่องุ่นและวิธีการผลิต ซึ่งจะต้องมีผลกระทบที่ต่ำกว่ามาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์ (Organic Certification) ในทุกหมวดหมู่

นอกจากการเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของครอบครัวแล้ว ในปัจจุบัน Regaleali ยังมีไร่องุ่นที่ปลูกอยู่บนหมู่เกาะเอโอเลียน (Aeolian) บนภูเขาไฟเอตนา ในจังหวัดตราปานี (Trapani) และในพื้นที่ของ DOC Monrealeคุณ Alberto Tasca จะรับรางวัลนี้อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2020 โดยจะมีการเข้าร่วมงานกับผู้ชนะคนอื่น ๆ ในงานกาล่าครบรอบ 20 ปีของ Wine Enthusiast (Wine Enthusiast’s 20th Anniversary) ที่ซานฟรานซิสโก

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button