แนวโน้มอันดับต้น ๆ ของตลาดไวน์ในจีน ปี 2021
เมื่อลมหนาวเริ่มพัดผ่าน ภูมิภาคส่วนใหญ่ในจีนก็ได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไวน์ ฤดูหนาวที่เยือกเย็นและโหดร้ายมาถึงก่อนตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เสียอีก
อิทธิพลที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของไวรัสและปัจจัยอื่น ๆ ทำให้ทางบริษัทไวน์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีน ซึ่งมีเพียงสองแห่งจากสิบสามแห่ง ได้รายงานการเติบโตของยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในขณะที่ตลาดนำเข้าไวน์เองก็มีผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังไม่แพ้กัน จากการวิเคราะห์ทางสถิติของการนำเข้าไวน์และสุราประจำปี 2020 ในเดือนมกราคม – มิถุนายน ซึ่งออกโดยผู้นำเข้าและส่งออกไวน์และสุราของสภาหอการค้าจีน I/E ของผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์สัตว์ ทั้งปริมาณการขายและ มูลค่าการขาย การนำเข้าไวน์ไปยังประเทศจีนลดลงกว่า 30% ในช่วงเวลาดังกล่าว แม้ว่าตัวเลขจะยังไม่มีเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ความต่อเนื่องของแนวโน้มแบบขาลงนี้ก็เป็นตัวบ่งชี้สำคัญสำหรับตลาดแล้ว
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เริ่มต้นในปี 2010 และสิ้นสุดในปี 2019 ตลาดนำเข้าไวน์ในประเทศจีนมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 14% เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดที่ตกต่ำลง ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามว่า ฤดูหนาวที่เยือกเย็นกว่านั้นกำลังรออยู่ข้างหน้าหรือไม่?
ภาษาจีนไม่ได้ขาดในด้านของปรัชญาวิภาษวิธีแต่อย่างใด ตัวอย่างเช่น คำภาษาจีนสำหรับ “วิกฤต” weiji สร้างขึ้นจากส่วนประกอบของคำว่า “อันตราย” และ “โอกาส” พูดง่ายๆคือภาษาจีนบอกเป็นนัยว่า ภายในทุกวิกฤตนั้นล้วนเป็นโอกาสใหม่ที่รอให้เราได้ไขว่คว้ามา ดังนั้นหลังจากการสำรวจฐานะในช่วงเวลาที่สิ่งต่างๆกำลังมุ่งหน้าไปสู่การสิ้นสุดของปีที่ยากลำบาก เราจึงพยายามมองโลกในแง่ดี ในขณะที่เรามองไปในอนาคตและสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังรอคอยอยู่ของอุตสาหกรรมไวน์ของจีนในปีหน้า
การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับคืนสู่ปกติ
การใช้แนวโน้มล่าสุดแบบไมโครเทรนด์ (Micro Trends) เป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งเรามีเหตุผลหลายประการที่จะต้องมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวัง เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2021 นี้
ก่อนอื่นเนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน ในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสในระดับภายในประเทศจีน จึงเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่มีการเริ่มต้นเส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในความเป็นจริงเศรษฐกิจของจีนส่วนใหญ่กลับสู่ภาวะปกติในไตรมาสที่สามของปี 2020 แล้ว และในปีนี้จะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเป็นข้อสรุปที่คาดการณ์ไว้แล้ว จีนน่าจะเป็นประเทศแห่งเศรษฐกิจโลกที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่มีการเติบโตเชิงบวกในปีนี้ ตามที่ชาวจีนได้กล่าวไว้ กระแสน้ำในลำธารเล็ก ๆ จะเพิ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อกระแสน้ำหลักในแม่น้ำใหญ่อยู่ในระดับสูง สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตของตลาดไวน์สำหรับผู้บริโภค การกลับสู่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวมของจีนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นข่าวดีแน่นอน
อย่างไรก็ตามในช่วงสามไตรมาสก่อนหน้าของปีนั้น ผลคืองบประมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าการซื้อของผู้บริโภคโดยรวมในหมู่ชาวจีนทั่วประเทศลดลงถึง 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามเมื่อหักปัจจัยด้านราคาแล้ว ตัวเลขนี้จะลดลงถึง 6.6% เลยทีเดียว
การช่วยให้เศรษฐกิจค้าปลีกกลับสู่ระดับปกติได้ กลายเป็นจุดที่ต้องมุ่งเน้นของรัฐบาลท้องถิ่นในทุกระดับ โดยเจ้าหน้าที่ในทุกภูมิภาคจะทำงานเพื่อร่างและออกนโยบายใหม่ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่นในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ สมาคมสุราเซินเจิ้นได้ออกบัตรกำนัลมูลค่ารวม 50 ล้านหยวนให้กับผู้อยู่อาศัยในเมือง เพื่อจุดประกายให้คนออกไปใช้จ่ายซื้อไวน์และสุราในตลาดท้องถิ่น
ด้วยการเปิดตัวของวัคซีนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า และการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ นิทรรศการ การค้าขาย และกิจกรรมอื่น ๆ ทางเศรษฐกิจของสังคม น่าจะเริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ และความต้องการในการซื้อไวน์ก็จะกลับมาอย่างแน่นอน
การเขย่ารูปแบบของตลาด
ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ชิลี อิตาลี และสเปน เป็นเวลานานแล้วที่ประเทศเหล่านี้ได้รับการจัดอันดับเป็น 5 อันดับแรก ในรายชื่อแหล่งไวน์หลักของผู้บริโภคชาวจีน ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ประเทศออสเตรเลียที่มาแรงมากในที่สุดก็แซงหน้าฝรั่งเศสในฐานะผู้ส่งออกชั้นนำไปยังจีนได้ ในความเป็นจริงแล้วตามข้อมูลของไวน์ออสเตรเลีย ไวน์ออสเตรเลียมีสัดส่วนเป็น 37% ของตลาดทั้งหมดจนถึงเดือนมิถุนายนของปีนี้ โดยแซงหน้าฝรั่งเศสซึ่งเป็นอันดับสองมากกว่า 12% เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามอนาคตของไวน์ออสเตรเลียในจีนก็มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ในเดือนสิงหาคม กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้เริ่มการสอบสวนข้อกล่าวหาการทุ่มตลาดต่อการนำเข้าไวน์ของออสเตรเลีย และในเดือนพฤศจิกายนได้ตัดสินว่ามีการทุ่มตลาดจริง มีการเรียกเก็บภาษีต่อมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดมากถึง 212% พร้อมกับคำตัดสินตามมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วอุตสาหกรรมว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีนอาจจะประกาศให้มีการสอบสวนไวน์ยุโรปในลักษณะเดียวกันในอนาคต ทำให้รูปแบบตลาดการนำเข้าไวน์ในปีหน้ามีความไม่แน่นอนมากขึ้น
ไวน์จากประเทศชิลีและจอร์เจียได้รับประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งไวน์จากประเทศชิลีและจอร์เจียได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในจีน จากไวน์ทั้งสองประเทศ ดูเหมือนว่าไวน์จากชิลีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก โดยประเทศนี้ครองอันดับสามในรายชื่อแหล่งไวน์ชั้นนำของจีน แม้ว่าจอร์เจียจะเป็นประเทศที่เล็กกว่ามาก แต่ก็กลายเป็นแรงผลักดันที่ต้องคำนึงถึงในตลาดจีนด้วยการมีสิทธิของตนเอง และปัจจุบันจีนเป็นหนึ่งในสามตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ไวน์ของประเทศ
นอกจากนี้ยังมีม้ามืดอยู่บ้างในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดนำเข้าไวน์ของจีน ได้แก่ อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ และภูมิภาคที่ผลิตไวน์ชนิดพิเศษบางแห่ง เช่น อิสราเอล ต่างก็จับตามองว่าจีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการพัฒนา ด้วยการสับเปลี่ยนผู้ค้ารายเก่าและการเข้ามาของรายใหม่ ซึ่งปีหน้าสัญญาว่าจะมาเขย่ารูปแบบของตลาดนำเข้าไวน์ในจีน
โรงบ่มไวน์ในประเทศกำลังส่งเสียงให้ผู้คนได้ยิน
โรงบ่มไวน์ในประเทศของจีนค่อยๆผุดขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงทศวรรษหรือสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ผู้ประกอบการเหล่านี้หลงใหลในไวน์ของพวกเขา และเชื่อมั่นในปรัชญาการผลิตไวน์เป็นอย่างมาก พวกเขาเลือกที่จะอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่ไม่ค่อยดี และสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตที่ยากลำบาก หลายคนมองว่าการปลูกองุ่นเป็นวิธีที่ทำให้หลุดพ้นจากความยากจน และรัฐบาลท้องถิ่นมักยินดีที่จะให้การสนับสนุน ตัวอย่างเช่นรัฐบาลของมณฑลหนิงเซียะ (Ningxia) ได้ให้การสนับสนุนชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกองุ่นในท้องถิ่น ด้วยการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีการนำเข้า นำเข้าผู้เพาะปลูก การปรับปรุงถนน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและไฟฟ้า
จากช่วงเวลาหลายปีของการเพาะปลูกและการดำเนินงานอย่างพิถีพิถัน โรงบ่มไวน์ขนาดเล็กในประเทศเหล่านี้บางแห่งก็เริ่มได้รับการยอมรับจากสมาชิกในอุตสาหกรรม และยังได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัล อย่างไรก็ตามเนื่องจากความสามารถในการผลิตและการขายของโรงบ่มไวน์เหล่านี้ ยังไม่สามารถก้าวทันกับการยอมรับที่เพิ่มขึ้น และเนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากยังคงมองว่าไวน์เป็นสินค้านำเข้ามาโดยตลอด ทำให้โรงกลั่นไวน์ท้องถิ่นเหล่านี้จึงยังคงติดอยู่ในฐานะที่ได้รับคำชมสูง แต่มียอดขายต่ำ
วันนี้ความต้องการใหม่ๆ สำหรับสินค้าในประเทศได้เกิดขึ้นแล้ว ในตลาดวัฒนธรรมที่กว้างขึ้นของจีน โดยผู้บริโภคชาวจีนจะแสดงความภาคภูมิใจ และมีความความสนใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมากขึ้น การเผยแพร่วัฒนธรรมในหมู่ประชาชนมากขึ้น ทำให้ชาวจีนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตน และความรู้สึกรักชาติเหล่านี้ส่งผลให้มีการรับรู้และการสำรวจวัฒนธรรมและประเพณีอันยาวนานของจีนมากขึ้น แบรนด์ผู้บริโภคจำนวนมากใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมนี้กันอย่างเต็มที่ มีการปรับแต่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และออกแคมเปญการตลาดที่สอดคล้องกันกัน และกำลังประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดด้วยแนวทางนี้
ไวน์บางแบรนด์ก็เริ่มใช้เทรนด์นี้ช่วยในด้านการตลาด เพื่อดึงดูดผู้บริโภคด้วยการฝังองค์ประกอบต่างๆของวัฒนธรรมจีนไว้ในบรรจุภัณฑ์ และเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขาย ในเดือนธันวาคมนี้ ทาง Château Mouton Rothschild ของฝรั่งเศสได้เปิดตัวฉลากแบบวินเทจใหม่ของปี 2018 ที่ออกแบบโดย Xu Bing ศิลปินชาวจีน ฉลากแบบใหม่นี้ใช้แนวคิดจากการเขียนภาษาจีนแบบดั้งเดิม เพื่อปรับชื่อของโรงบ่มไวน์ Mouton Rothschild แม้ว่าผู้บริโภคชาวจีนจะมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง แต่ปฏิกิริยาในตลาดจีนเองก็มีมากเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคชาวจีนเต็มใจหันมาสนับสนุนแบรนด์ในประเทศมากยิ่งขึ้น และด้วยแบรนด์ในประเทศที่เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงาน เพื่อนำเสนอคุณภาพที่สูงขึ้น และให้ตัวเลือกที่กว้างขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้โรงงานผลิตไวน์ในประเทศของจีนมองเห็นโอกาสในการแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอย่างแน่นอน
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของการค้าปลีกออนไลน์
ในสายตาของโลก จีนกลายเป็นผู้นำที่ชัดเจนในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ สำหรับผู้ค้าจำนวนนับไม่ถ้วน อีคอมเมิร์ซคือการแข่งขันที่ช่างดูล้นหลามและแออัด รวมทั้งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในอุตสาหกรรมไวน์แม้ว่าอีคอมเมิร์ซจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการเจาะตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำเพียง 10% เท่านั้น
ในปีนี้มีการเริ่มต้นด้วยธุรกิจต่างๆที่ตอบสนองต่อการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัส บริษัทหลายแห่งเปลี่ยนรูปแบบไปสู่การดำเนินงานแบบดิจิทัล เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปใช้การช็อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลหลายประเทศในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนในจีนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อสินค้าทางออนไลน์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งปีนี้ผู้บริโภคจำนวนมากมีความคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่จะช่วยเร่งความเร็ว และเพิ่มการเติบโตของยอดขายไวน์ในอีคอมเมิร์ซในอนาคต
เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลหลายประเทศในช่วงเริ่มต้นของการระบาดทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนในจีนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อสินค้าทางออนไลน์ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งปีนี้ผู้บริโภคจำนวนมากคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ซึ่งเป็นเทรนด์ที่จะช่วยเร่งความเร็วและเพิ่มการเติบโตของยอดขายไวน์อีคอมเมิร์ซในอนาคต
ในเดือนธันวาคม ศาลประชาชนสูงสุดได้ออกคำวินิจฉัย มติทางกฎหมายของศาลประชาชนสูงสุดเกี่ยวกับการพิจารณาคดีแพ่ง ต่อปัญหาความปลอดภัยของอาหาร (1) ซึ่งระบุว่าในกรณีที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหาร ผู้ค้าปลีกออนไลน์จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งก่อนการพิจารณาคดีเมื่อเร็ว ๆ นี้ เซเลปคนดังที่ทำการไลฟ์สดหลายคนถูกลงโทษในข้อหาเผยแพร่ หรือขายสินค้าลอกเลียนแบบโดยไม่สุจริต รวมถึง Li Jiaqi (ซึ่งมียอดขายต่อเดือนสูงถึง 1.4 พันล้านหยวน) และ Luo Yonghao (ซึ่งมียอดขายต่อเดือนถึง 400 ล้าน หยวน)
บทลงโทษประเภทนี้ส่วนใหญ่เพื่อเป็นการแสดงให้เห็น แต่ความทุ่มเทของรัฐบาลในการปราบปรามการฉ้อโกงการขายทางออนไลน์ยังคงเป็นหัวใจหลัก หากมีการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคเมื่อซื้อของออนไลน์ และความสามารถในการแทรกซึมของผู้ค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นก็จะมีให้เห็นทั่วทั้งตลาดอีคอมเมิร์ซ เป็นเรื่องง่ายที่จะคาดการณ์ได้ว่าการขายไวน์ออนไลน์ จะเข้าสู่ช่วงใหม่ของการเติบโตอย่างรวดเร็วในไม่ช้า
ตลาดปลายทางที่กำลังจม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในเมืองชั้นสองและสามต่างๆของจีนกลายเป็นจุดสนใจสำหรับแบรนด์ผู้บริโภคจำนวนมาก ด้วยการพัฒนาอีคอมเมิร์ซและการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ ทำให้ความสามารถในการมองเห็นผลิตภัณฑ์ในตลาดเหล่านี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ความเครียดในชีวิตประจำวันมักจะลดลงสำหรับผู้บริโภคในเมืองชั้นสองและสาม ซึ่งพึงพอใจกับราคาที่อยู่อาศัยที่ถูกลง รายได้ที่ดี และมีเวลามากขึ้นในการใช้จ่ายเงินไปกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาชื่นชอบ
ที่อยู่อาศัยในเมืองชั้นสองและสามเหล่านี้ ใช้ประโยชน์จากช่องทางการซื้อขายมากมายที่มีอยู่อย่างเต็มที่ และทำให้มีความเข้าใจโลกมากขึ้น และเต็มใจที่จะลองผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยหรืออินเทรนด์กันมากขึ้น รวมไปถึงไวน์ แม้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะยังไม่มีการพัฒนาพฤติกรรมในการดื่มไวน์กันมากนัก แต่ไวน์ก็ยังคงบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา สง่างาม และทันสมัยสำหรับพวกเขา ในความเป็นจริงแล้วไวน์ได้กลายเป็นที่สนใจอย่างมากสำหรับกลุ่มประชากรกลุ่มนี้ ที่มีความมั่นคงมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน
จากข้อมูลของ Tmall ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่แห่งหนึ่งของจีน ระบุว่ากำลังซื้อไวน์ของเมืองชั้นสองและสาม กลายเป็นแรงผลักดันที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ โดยดูจากจำนวนหน่วยต่อการทำธุรกรรมสำหรับผู้บริโภคในเมืองชั้นที่สาม สี่ และห้า ที่เกินอัตราที่เห็นในเมืองชั้นหนึ่งไปแล้ว
การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดเหล่านี้ไม่สามารถลบออกไปจากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขายไวน์ชาวจีนจำนวนมากใช้เวลาหลายปีในการปลูกฝังการเติบโตในเมืองระดับล่าง ร้านค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลางหลายแห่งได้จัดงานชิมไวน์ และทำกิจกรรมการศึกษาอื่น ๆ ในตลาดท้องถิ่นเหล่านี้มาหลายปีแล้ว ทุกๆปี Wine Australia จะจัดทัวร์ส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมชิมไวน์ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับไวน์ไปทั่วประเทศจีน กิจกรรมเหล่านี้จำนวนมากจัดขึ้นในเมืองชั้นสองและสาม และจากตัวเลขยอดขายล่าสุดเหล่านี้ การใช้จ่ายในภูมิภาคเหล่านี้จะไม่หายไปหากไม่มีผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับมา
แนวโน้มกำลังซื้อของคนรุ่นใหม่
เมื่อเทียบกับตลาดในประเทศอื่น ๆ ที่มีการเติบโตเต็มที่ ผู้บริโภคไวน์ชาวจีนโดยเฉลี่ยนั้นมีอายุน้อยกว่า จากข้อมูลของ CBNdata เมื่อพิจารณาจากยอดขายไวน์ อัตราการเพิ่มขึ้นต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยผู้ที่เกิดระหว่างปี 1990 ถึง 1999 เป็นกลุ่มอายุที่สูงที่สุด ในขณะที่ข้อมูลประชากรยังเพิ่มจำนวนผู้บริโภคไวน์ใหม่สูงสุดตลอดทั้งปี จากข้อมูลขององค์กรผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ในประเทศ แหล่งข่าว TOEwine ระบุว่า 77% ของผู้ชมในนิทรรศการของพวกเขา มีอายุต่ำกว่า 39 ปี อีกด้วย
ด้วยกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากผู้บริโภควัยหนุ่มสาวเช่นนี้ ผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมโดยรวมจึงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ในเดือนมีนาคมปีนี้ Tmall ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มอื่น ๆ ภายในสองวันสั้น ๆ นี้ สามารถขายไวน์จำนวน 120,000 ขวด ในราคาเฉลี่ย 87 หยวนต่อขวด โดยหลัก ๆ แล้วไวน์ Cabernet Sauvignons และไวน์ขาวได้กลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ยอดนิยม
นอกจากนี้เรายังสามารถดูยอดขายไวน์บน Tmall ได้ สำหรับสถิติที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งบนแพลตฟอร์มไวน์ขวดเล็ก (187 มล.) จะขายได้ประมาณ 2,000 ขวดทุกเดือน ในขณะที่ขวดขนาดปกติ (750 มล.) ขายได้ประมาณ 200 ขวดต่อเดือนเท่านั้น
สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่กว้างขึ้น หลายคนในกลุ่มประชากรนี้เพิ่งเริ่มทำความคุ้นเคยกับไวน์ และหลายคนก็มีงบประมาณที่จำกัดเช่นกัน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบไวน์เช่นนี้ Cabernet Sauvignons และไวน์ขาวเป็นหนึ่งในประเภทของไวน์ที่ดื่มได้ง่ายที่สุด
นอกจากนี้ในทางตรงกันข้ามกับผู้ที่เกิดในปี 1970 และ 1980 ซึ่งมีการประชุมทางธุรกิจและการพบปะสังสรรค์ขนาดใหญ่เป็นวิธีการหลักในการบริโภคแอลกอฮอล์ ผู้บริโภคที่อายุน้อยมักมีแนวโน้มที่จะเพลิดเพลินกับไวน์ด้วยตัวเองหรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มากกว่า ซึ่งขวดขนาดเล็กจะง่ายกว่า และสามารถดื่มโดยไม่ต้องกังวลกับการที่ต้องเก็บจุกหรือฝาขวดไว้ แบรนด์ไวน์ที่กำลังเติบโตขึ้นมากมายกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่นี้
นอกจากนี้เมื่อคนหนุ่มสาวที่เติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นผู้บริโภคหลัก วิธีการที่ผู้ขายจะสื่อสารกับลูกค้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าไวน์มักจะถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “เชย” แต่หลาย ๆ แบรนด์ก็ยังคงพยายามหาวิธีการใหม่ ๆ ในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่าเสมอ เช่น การใช้เซเลปคนดังในโซเชียลมีเดีย การจัดกิจกรรมไลฟ์สด การใช้แคมเปญการตลาดบนโซเชียลมีเดีย การสร้างแบรนด์ร่วมกับแบรนด์ที่ทันสมัย และการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ เมื่อมีกำลังซื้อและอิทธิพลของพวกเขาเพิ่มขึ้น เหล่าคนรุ่นใหม่นี้จะยังคงสร้างนวัตกรรมให้เข้ารูปเข้ารอยแก่อุตสาหกรรมต่อไป
ในขณะที่อุตสาหกรรมไวน์พบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมสุราขาวของจีน ไป๋จิ่ว (Baijiu) ก็สูงเป็นประวัติการณ์โดยมูลค่าตลาดของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Moutai Liquor ได้แซงหน้า Toyota ของญี่ปุ่น และ Coca-Cola ของสหรัฐฯไปแล้ว ขนาดตลาดไป๋จิ่วของจีนมีมูลค่าสูงถึงกว่า 500,000 ล้านหยวน ในขณะที่อุตสาหกรรมไวน์อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านหยวน จากมุมมองของช่วงตลาดและรายละเอียดลึกลงไป เป็นที่ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมไวน์ยังคงมีพื้นที่ที่ดีสำหรับการพัฒนาศักยภาพ และในขณะที่จีนยังคงเปิดสู่ตลาดทั่วโลก และผู้บริโภคชาวจีนเริ่มสนใจเทรนด์การใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ และคุ้นเคยกับวัฒนธรรมไวน์มากขึ้น แนวโน้มในอนาคตของตลาดไวน์ในจีนก็จะเปล่งประกายสดใสตามมา
หากฤดูหนาวมาถึงแน่นอนแล้วสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไวน์ แสดงว่าฤดูใบไม้ผลิก็กำลังตามมาติดๆใช่หรือไม่?