การวิเคราะห์ไวน์ – ไวน์นี้เป็นไวน์ไลท์บอดี้, มีเดียมบอดี้ หรือว่าฟูลบอดี้?
ในฐานะคนรักไวน์ คุณมักจะชื่นชอบความเข้มข้นและความซับซ้อนของไวน์บางชนิดในขณะที่คุณได้ลิ้มรสไวน์เหล่านั้นเป็นครั้งแรก
หนึ่งในสิ่งที่เพดานปากของคุณจะสามารถรับรู้ได้ก็คือความเข้มข้นและรสสัมผัสของไวน์ในปากของคุณ เราเรียกสิ่งนี้ว่า “บอดี้” ของไวน์
มันอาจฟังดูยุ่งยากเมื่ออธิบายถึงบอดี้ของไวน์ เพราะมันไม่ได้ชัดเจนเหมือนความหวานหรือความเป็นกรด มันต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการดื่มไวน์หลากหลายชนิด เพื่อที่จะจดจำถึงสไตล์ที่แตกต่างกันของมัน
บอดี้ของไวน์สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะ:
- ไลท์บอดี้: ตัวอย่างเช่น น้ำเปล่า
- มีเดียมบอดี้: ตัวอย่างเช่น น้ำส้ม
- ฟูลบอดี้: ตัวอย่างเช่น การดื่มน้ำมะม่วง
ไวน์ไลท์บอดี้
ไวน์เหล่านี้มีรสสัมผัสบนเพดานปากที่เบาและบาง ทำให้พวกมันได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากมีรสชาติที่ให้ความมีชีวิตชีวาและสดชื่น
ไวน์มีเดียมบอดี้
พวกมันเป็นที่รู้จักในการที่เป็นไวน์ “กลาง ๆ” เนื่องจากไม่มีคำนิยามในการแบ่งแยกบอดี้ของไวน์ที่ชัดเจน ไวน์เหล่านี้สามารถมีลักษณะเป็นไวน์ระหว่างไลท์บอดี้ถึงมีเดียมบอดี้ หรือ มีเดียมบอดี้ถึงฟูลบอดี้ ก็ได้ ไวน์มีเดียมบอดี้เป็นไวน์ที่เหมาะอย่างยิ่งในการทานคู่กับอาหาร เพราะว่าพวกมันมีปริมาณสารแทนนินที่พอดีและมีความเป็นกรดที่เหมาะสม
ไวน์ฟลูบอดี้
เป็นที่รู้จักกันถึงความแรงและความทรงพลังของพวกมัน ไวน์แดงสีเข้มและพอร์ตไวน์ที่มีความโดดเด่นเช่นนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากผิวขององุ่น (แทนนิน) หลังจากการดื่มไวน์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงเข้าไป ภายในของปากของคุณก็จะรู้สึกเหมือนถูกเคลือบเอาไว้
ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อบอดี้ของไวน์?
มีหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น แทนนิน น้ำตาลและกรดต่าง ๆ สามารถกำหนดบอดี้โดยรวมของไวน์ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการเดาประเภทบอดี้ของไวน์ก็คือการดูที่ระดับแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ช่วยเพิ่มความหนืดหรือความเข้มข้นของไวน์ กฎง่าย ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์จะต้องจำเอาไว้ก็คือ: ยิ่งมีแอลกอฮอล์ในไวน์มากเท่าไหร่ ไวน์ก็ยิ่งให้รสสัมผัสที่เข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น
ไวน์ได้รับปัจจัยด้านสภาพอากาศจากสถานที่เพาะปลูกองุ่น ลองพิจารณาความแตกต่างในด้านความมีชีวิตชีวาและรสสัมผัสที่บางเบาระหว่าง Sauvignon Blanc ที่เก็บเกี่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย อย่างเช่น ประเทศนิวซีแลนด์ และ Chardonney จากแหล่งเพาะปลูกในเขตอบอุ่น เช่น สหรัฐอเมริกา องุ่นสายพันธุ์ที่เติบโตในแหล่งเพาะปลูกที่อบอุ่นกว่าจะให้ผลผลิตพวงองุ่นสุกที่อุดมไปด้วยน้ำตาล ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ที่สูงกว่า
สารสกัดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อบอดี้ของไวน์ ซึ่งหมายถึงของแข็งต่าง ๆ ในไวน์ เช่น สารแทนนิน, น้ำตาล, กรดต่าง ๆ และกลีเซอรอล
ความหลากหลายขององุ่น / สายพันธุ์เองก็เป็นตัวกำหนดบอดี้เช่นกัน องุ่นที่มีผิวหนา เช่น Cabernet Sauvignon จะมีสารสกัดหลากหลายชนิดมากกว่าองุ่นพันธุ์ที่มีผิวบาง เช่น Pinot Noir
ถ้าหากไวน์นั้นได้ผ่านการหมักหรือบ่มในถังโอ๊ก วิธีการผลิตไวน์นั้นก็จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นและบอดี้ให้กับไวน์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไวน์แดงจะมีปริมาณของแอลกอฮอล์สูงกว่าไวน์ขาว
เมื่อคุณเลือกไวน์ในครั้งต่อไปอย่าลืมจับคู่กับไวน์ให้เหมาะสมกับโอกาสและอาหารมื้อพิเศษเหล่านั้น ลองมองหาเปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล์ที่ปรากฏอยู่บนขวดไวน์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเลือกไวน์ของคุณ
- ไวน์ไลท์บอดี้: ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 12.5%
- ไวน์มีเดียมบอดี้: ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ระหว่าง 12.5% - 13.5%
- ไวน์ฟูลบอดี้: ไวน์เหล่านี้จะมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่า 13.5%
ในขณะที่โลกของไวน์เปิดต้อนรับคุณ จงเพลิดเพลินไปกับการค้นพบ “น้ำทิพย์ของเหล่าทวยเทพ” ดื่มด่ำไวน์สไตล์ต่าง ๆ ด้วยความใคร่รู้และเปิดกว้าง คุณอาจจะพบกับสิ่งที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน